วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Bloody Mary

สวัสดีครับผม ตอนนเช้าๆ วันนี้ถ้าใครใช้ Google ในการค้นหาข้อมูลต่างๆ ก็คงจะเห็นอะไรที่ไม่ค่อยจะเหมือนทุกๆวันที่หน้าจอของ Google เป็นแน่แท้ ภาษาที่ใช้ในหน้าแรกของ Google วันนี้ ไม่ได้มีไว้แค่เก๋ๆ หรือว่าทำให้น่าสนใจขึ้นเฉยๆ แต่ว่าวันนี้จริงๆ แล้วมันคือ "วันภาษาไทยแห่งชาติ" ทำไมต้องมีวันนี้กันนะเหรอครับ เพราะว่าคนไทยก็พูดภาษาไทยอยู่แล้วเป็นปรกติ แต่ว่าพักหลังๆ มานี่คนไทยเราเองเสียส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะพูดจาภาษาไทยได้ถูกต้องกันเสียเท่าไหร่ครับ อันนี้เกิดขึ้นโดยทั่วๆไปแทบจะทุกภาคส่วน โดยที่เยอะที่สุดก็น่าจะมาจากสื่อ จากหนัง และศัพท์จากเพลง และหรือกลุ่มวัยรุ่นที่คิดคำพูดกันขึ้นมาเองเอง และที่ร้ายที่สุดก็คือภาษาบน Social Media ทั้งหลาย ที่ใช้ภาษากันจนบางครั้ง อ่านจบแล้วก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจว่าผู้ที่โพสต์ข้อความนั้น ต้องการที่จะสื่ออะไรออกมากันแน่่ และอีกหลายๆ เหตุผลครับผม ที่ทำให้เราต้องมีวันนี้ครับผม เพราะฉนั้นต่อไปนี้ใครจะโพสต์อะไร หรือว่าจะส่งข้อความอะไรออกไปให้คนทั่วๆไปได้อ่าน ก็น่าจะทำให้เขาได้เข้าใจด้วยก็น่าจะดีนะ ไม่ใช่แค่ตัวเราเอง จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่วันนี้หรอกนะครับผม ถ้าเป็นไปได้เราก็น่าจะใช้ภาษาให้มันถูกต้องตลอดเวลาน่าจะเป็นการดี ทั้งต่อตัวเราเองและผู้อื่นครับผม
เอาล่ะครับผม เดี๋ยวจะนอกเรื่องมากไปกว่านี้ เอาเป็นว่าวันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง Cocktails ตัวที่ชื่อว่า Bllody Mary ว่ามันมีที่มาที่ไปยังงัยและมันมีหน้าตาเป็นอย่างไร คำว่า Bloody Mary นั้นสำหรับคนที่ทำงานโรงแรม หรือว่าทำงานเกี่ยวกับบาร์ ก็คงจะพอคุ้นเคยหรือรู้จักกับมันมากันบ้างแล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการ F&B [Food & Beverage] ก็คงอาจจะไม่คุ้นกันนัก เพราะว่า Cocktails ตัวนี้ไม่ค่อยจะได้รับความนิยมกันมากนักในบ้านเรา และแทบจะเรียกได้ว่าในบาร์โดยทั่วไปก็แทบจะไม่มีให้เห็นกันเลย และแทบจะไม่มีบาร์ไหน เอามาทำเป็นเมนูแนะนำเลย ก็ด้วยเหตุนี้ นี่เองมันก็เลยทำให้ชื่อเสียงของมันไม่เป็นที่รู้จักของคนในบ้านเราเท่าไรนัก [แต่ว่าถ้าเป็นฝั่งอเมริกา มันเป็น Cocktails ระดับแนวหน้าเลยนะ เดินไปไหนคนก็รู้จักประมาณนั้น] แต่ถ้าถามคนทั่วไปว่าเคยได้ยิน Cocktails ที่ชื่อ Pina Colada , Margarita มั๋ย ผมเชื่อว่าต่่อให้ไม่ได้ทำงานด้าน F&B คนส่วนใหญ่ก็จะรู้จัก Cocktails นี้กันพอสมควร แล้วทำไมมันน่าสนใจตรงไหนถึงอยากเอามาเล่าสู่กันฟัง ความน่าสนใจของมันสำหรับผมนั้นก็คือ มันเป็นเครื่องดื่มที่ดื่มง่าย รสชาดดี และที่สำคัญมันน่าจะถูกปากคนไทย ที่ชอบอะไรจัดจ้านเผ็ดร้อนกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เอ แล้วเครื่องดื่มอะไรมันจะออกรสชาดแนวนั้น ก็เจ้านี่ที่เรากำลังพูดถึงกันอยุ่นี่แหละครับผม และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ คือว่ามันเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มแล้วน่าจะได้ประโยชน์มากกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกตัวเลยก็ว่าได้ มันยังเป็นผู้ช่วยที่แสนดีอีกอย่างสำหรับคนที่ตื่นนอนตอนเช้ามาแล้วยังมีผลกระทบจากงานปาร์ตี้เม่ือคืนอยู่ เจ้านี่ ก็สามารถทำให้หายอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ก็ด้วยเหตุผลต่างๆหลายๆ อย่างที่ยกมาให้ฟังนี่แหละครับผม เจ้า Bloody Mary ก็เลยกลายเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคนเลย
     
Bloody Mary ตอนเช้าๆ ซักแก้ว ก็ดูคึกคักสดช่ืนยังกับได้กาแฟดีๆ ซักแก้วเลยแหละ
Bloody Mary นั้นเกินขึ้นมานานพอสมควรแล้ว แต่ว่าการเกิดของมันนั้นไม่มีหลักฐานการเกิดที่ชัดเจน พูดง่ายๆ ว่าใบสูติบัตรหาย ว่างั้นเถอะ ก็เลยหาอะไรมายืนยันการกล่าวอ้างไม่ได้ว่ามันเกินขึ้นที่ไหนยังงัยกันแน่ บ้างก็บอกว่ามันเกิดขึ้นตอนประมาณ 1921 บ้างก็บอกว่ามันเกิดขึ้นในปีด 1930 ในบาร์ชื่อ New York Bar แต่ว่าเป็นที่ ฝรั่งเศษ แต่ว่าเครื่องดื่มตัวนี้กลับมาได้รับความนิยมเป็นอย่างมากที่ อเมริกา เพราะว่าคนอเมริกันนี่ก็เป็นชาตินิยมที่มีความรักชาติค่อนข้างเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน อะไรที่เป็นของชาติเขา เขาก็จะรักมันอย่างจับจิต จับใจขึ้นมาทันที ก็ดูอย่าง American Whiskey กับ Scotch Whisky ซิ คนทั่วโลกก็ต่างให้การยอมรับ Scotch Whisky ว่าเป็นสุดยอดของน้ำเมา แต่ว่าพี่กันทั้งหลายแหล่ก็ต่างภูมิอกภูมิใจในรสชาดของ Whiskey ที่พวกเขามีอยู่และบอกว่ามันก็คือสุดยอดน้ำเมาของโลกเหมือนกัน แต่ว่าบังเอิญว่าคนที่ชอบมันซะส่วนใหญ่อยู่ที่อเมริกาแค่นั้นเอง [ไม่งงกันนะครับ]
และความน่าสนใจของ Bloody Mary อีกอย่างนอกจากสิ่งต่างๆ ที่ได้บอกไปแล้วก็คือความน่าสนใจของตัวมันเองในแต่ละบาร์นั้น ถ้าคุณลองเดินสายไปดื่ม Bloody Mary จาก 10 บาร์ ผมรับประกันได้เลยว่าคุณจะได้เครื่องดื่มที่ชื่อว่า Bloody Mary นี้ ไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน ไม่เหมือนตั้งแต่ แก้วที่ใช้ ไม่มีกฎตายตัว ไม่เหมือนในส่วนผสม จริงๆ แล้วมันก็แค่ Vodka กับ Tomato Juice แต่ว่ามันยังมีส่วนผสมอื่นที่นำมาปรุงแต่งรสชาดของเครื่องดื่มเช่น Worcestershire Sauce และ Tabasco สองตัวนี้จะขาดไม่ได้ มาดูตัวต่อไปที่เขานิยมนำมาปรุ่งแต่งกันอีก Black Pepper, Celery Salt, Salt, Lime Juice, Horse Radish และอื่นๆ อีกก็ตามแต่ว่าสูตรใครเป็นสูตรใคร แต่ว่าพอปรุงแต่งออกมาแล้วรสชาดของมันจะออกแนว เผ็ดร้อน และกลมกล่อมนิดๆ หรือว่าจัดจ้านก็แล้วแต่ในแต่ละบาร์ครับผม ต่างกันในเรื่องของเครื่องเคียง [Garnish] บางร้านก็จะให้มาแบบเต็มยสกันเลย มี Celery Stick ก้านใหญ่ Olive, Onion, Lime และหรือบางร้านก็ใส่ผักชนิดต่างๆ มาที่ขอบแก้วให้ได้ดื่ม และกินไปด้วยในขณะเดียวกัน นี่แหละครับความหลากหลายของ เจ้า Bloody Mary มันก็เหมือนกับเราไปสั่งผัดกะเพรานะแหละครับผม ผมว่า 10 ร้านนี่ก็ต้องเจออะไรที่ไม่เหมือนกันทั้งหน้าตาและรสชาดอย่างแน่นอนครับผม  และที่สำคัญเครื่องดื่มแก้วนี้ มันเป็นอะไรที่ ผู้หญิงที่ชอบดื่ม [นิดหน่อย] ถึงกับบอกว่าตื่นขึ้นมาขอแค่ Bloody Mary ซักแก้ว ก็อยู่ได้แล้วไม่ต้องมีอาหารเช้าก็ได้ เพราะว่าได้กินอาหารเช้าที่เป็นเครื่องเคียงอยู่ที่เครื่องดื่มแล้ว
หลังจาก Bloody Mary เร่ิมได้รับความนิยม ก็เร่ิมมีหลายๆ คนได้พยายามที่จะทำให้เครื่องดื่มตัวนี้สามารถเข้าถึงกับทุกๆคนได้ ก็เลยเกิดการทำ Bloody Mary สูตรต่างๆ ออกมา ซึ่งไม่ใช่แค่ Vodka อย่างเดียวตอนนี้ก็มีออกมาเยอะแยะ แต่ว่าตัวที่พอจะนิยมและมีชื่อเรียกกันอย่างเป็นทางการก็มีประมาณนี้ครับผม 
Bloody Mary
Vodka+Tomato Juice

Bloody Caesar
Vodka + Clamato Juice [เป็น Tomato Juice Cocktails ] 

Bloody Margaret
Gin + Tomato Juice

Bloody Maria 
Tequila + Tomato Juice

ครับผม ก็อีกหนึ่ง Cocktails ที่นำมาเสนอกันครับผม เดี๋ยวครั้งต่อไป ลองมาดู Cocktails ที่เคยได้รับความนิยมในบ้านเรา และตอนนี้ก็ยังพอเป็นที่นิยมอยู่กันบ้างครับผม แล้วติดตามดูนะครับผม 
"คนชงเหล้า"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น