วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Top 5 Spirits


Top 5 Spirits 

สวัสดีครับผมหลายท่านที่ทำงานโรงแรมเกี่ยวกับเครื่องดื่มก็คงจะพอทราบกันบ้างนะครับ ไอ้เจ้า Cocktails นี่ ส่วนใครที่บอกว่ามันช่างไม่คุ้นเอาเสียเลย ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็เลยขอแปลตรงๆ แบบไม่ต้องพึ่งdictionary กันเลยก็ได้ครับว่ามันน่าจะแปลได้ว่า เครื่องดื่มผสมที่มีแอลกอฮอล์ ก็เห็นว่ามันเท่และก็ดูเก๋ดีก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อ blog ซะ และเนื้อหาใน blog ของผมก็แน่นอนว่าจะต้องเกี่ยวกับเหล้าแน่นอน กับแกล้มไม่เกี่ยวนะครับ ครับหลักๆ แล้วก็คือเหล้าครับแต่คงจะเป็นเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์ทั้งหมด และก็ที่สำคัญจะมีสูตร cocktails มาแนะนำทุกๆ สัปดาห์ครับ นักดื่มทั้งหลายอย่าลืมติดตามนะครับ จะได้เมาไปพร้อมๆกันครับ จะว่าไปแล้วเวลาที่ดื่มแล้วก็ขอร้องกันหน่อยนึงนะครับว่าอย่าขับรถเลยครับ เดี๋ยวเหล้าหกใส่น้องชายจะมาหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะครับ เหล้าคือคำจำกัดความที่สั้นๆ และได้ใจความสำหรับคนไทย คือว่าอะไรก็ช่างที่ดื่มแล้วทำให้เมานะเรามักจะเรียกไอ้เจ้าสิ่งนั้นว่าเหล้าเสมอ ยกเว้นบางอย่างที่ทำให้เมาได้เหมือนกันแต่เราก็ไม่เรียกว่าเหล้า รู้มั๋ยว่ามันคืออะไร บอกให้ก็ได้มันก็คือมือกะเท้าของเรานี่งัย อ๊ะแนะงงกันใหญ่ละซิ เคยได้ยินหรือเปล่าคำนี้ เมามือเมาทีนน่ะ เอาล่ะเข้าเรื่องวิชาการกันหน่อยนิดนึงพูดถึงเรื่องเหล้าแล้วความจริงเขาก็ได้แบ่งชนิดและจำพวกของมันไว้อย่างเยอะแยะมากมาย แต่ตัวที่ผมจะนำมาเสนอและถ่ายทอดเป็นความรู้กับทุกๆคน ณ ที่นี้ ผมจะเน้นเฉพาะตัวที่เราจำเป็นต้องรู้ หรือมีเห็นอยู่ทั่วไปดีกว่า 

Top 5 spirits 

คำๆนี้อาจจะไม่คุ้นเคยกันเท่าที่ควรสำหรับคนนอกวงการ"คนชงเหล้า" เพราะว่าถ้าจะพูดถึงเหล้าแล้วมันมีมากมายหลายชนิดครับ ฝรั่งเขาเรียกกันไปตามชื่อของวิธีการทำ ปริมาณแอลกอฮอล์ที่มี สีสัน ความเข้มข้นของปริมาณน้ำตาล รสชาดที่ได้ ชื้อคนทำได้ครั้งแรก มันก็เลยทำให้มีชื่อที่ใช้เรียกไอ้น้ำเมาพวกนี้เป็นร้อยเป็นพันครับผม จึงทำให้พีไทยอย่างเราๆท่านๆเกิดความคิดขึ้นมาว่าแล้วจะไปแยกชื่อแยกประเภทให้มันเสียเวลาทำไม่ และแล้วพี่ไทยค่อนประเทศก็เลยลงความเห็นว่าอะไรก็ช่างไม่ว่าใครจะเป็นคนทำ ทำมาอย่างไร หวานหรือขม แต่ถ้าดื่มแล้วทำให้เมาได้ข้าขอเรียกมันว่า "เหล้า" สั้นๆ และก็ได้ใจความ เอออันนี้ก็จริงนะข้ากระผมก็ขอแสดงความนับถือจากใจจริงครับ เอาละครับกลับมาที่ top 5 spirit ที่ได้พูดค้างเอาไว้ ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าเหล้านะมันมีเป็นร้อยเป็นพันชนิด แต่คุณจะเชื่อมั๋ยครับว่าจริงๆแล้วเรากลับใช้มันแค่ไม่กี่ชนิดเอง ที่หลักๆเลยก็มีอยู่ 5 ชนิดนี่แหละที่ทุกบาร์จะต้องมี และบาร์ทุกคนต้องรู้จัก และคนทุกคนที่เป็นนักดื่มต้องเคยดื่มมาแล้วกันทั้งนั้น มาเริ่มกันที่ตัวแรกเลย1.Gin คำสั้นๆ แต่เป็นอะไรที่เป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคุณผู้หญิง Gin เป็นเหล้าชนิดนึงที่ทำจากผลเบอร์รี่ [Juniper Berry]ซี่งก็ยังมีส่วนผสมของ Grain และ Barley อยู่เหมือนเดิมเพียงแต่ว่าเพิ่มเจ้าเบอร์รี่นี้เข้ามาเป็นส่วนผสมหลัก Gin โดยทั่วไปแล้วจะมีกลิ่นที่หอมละมุนชวนดื่มมากจนคิดว่ามันไม่น่าจะทำให้เราเมาได้เลยแต่ในทางกลับกัน Gin กลับมีความแรงของปริมาณแอลกอฮอล์สูงมากกว่าเหล้า หลายๆชนิดเสียด้วยซ้ำ เพราะว่า Gin ส่วนใหญ่แล้วจะมีประมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 43%-47% พูดง่ายๆ ก็คือว่าแรงกว่าเหล้าขาวบ้านเราเลยแหละแต่ว่ากระบวนการกลั่นและการหมักส่วนผสมต่างๆที่ได้จากธรรมชาติจริงๆ มันก็เลยกลับทำให้ Gin กลับมีความนุ่มละมุนละไมมากกว่าเหล้าบ้านเราที่มีดีกรีน้อยกว่าเสียด้วยซ้ำไป Gin เป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมากในอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ ทั้งดื่มผสมกับ Tonic หรือดื่มแบบ Martini [Gin+Dry Vermooth] และในปัจจุบันนี้ก็มี Cocktails หลากหลายชนิดที่มี Gin เป็นส่วนผสมยกตัวอย่างเครื่องดื่มตัวนึงที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยไหนแล้วจนกระทั่งปัจจุบันนั่นก็คือ Singapore Sling ซึ่งจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ มาดูกันครับว่าเจ้า Singapore Sling นี้มีส่วนผสมอะไรบ้างและมันทำยังงัย

Singapore Sling

Gin                         1     Oz

Cherry Brandy     1/2  Oz

Sweet & Sour        2     Oz

Grenadine              1/4  Oz

Soda                      Float

เริ่มจากเตรียมน้ำแข็งใส่แก้วที่เราต้องการจะใช้เสริฟเครื่องดื่มตัวนี้ จากนั้นนำ Gin กับ Sweet&Sour ใส่กระบอก Shaker แล้วเขย่าให้พอเครื่องดื่มผสมกัน ไม่ต้องเขย่ามากจนเกินไปจะทำให้เกิดฟองเยอะเกินไป รินใส่แก้วจะได้ปริมาณประมาณ 2/3 ของแก้ว แล้วก็เติม Soda จนเกือบเต็มแก้วเหลือพื้นที่ไว้ประมาณ 1.5 ซ.ม. แล้วก็เติม Cherry Brandy และก็ตามด้วย Grenadine แค่นี้เป็นอันเสร็จ อยากให้สวยก็หามะนาวเหลืองหรือว่าลูก Cherry ซักลูกมาใส่ลงไปในแก้วแค่นี้ก็ได้เครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมตลอดการไว้ดื่มเองที่บ้านแล้ว 

Sweet & Sour  
จะมีขายเป็นขวดสำเร็จตาม Food Land หรือตามห้างที่มีเหล้านอกขายจะมีอยู่แต่ว่าถ้าใครยังไม่มีตรงนี้ก็ลองเอาสูตรนี้ไปทำแก้ขัดก่อนก็ได้ให้ใช้น้ำมะนาวประมาณ 1-1/2 Oz + น้ำเชื่อม 1/2 Oz ก็จะได้รสชาดที่ใกล้เคียงกันและได้ความเป็นธรรมชาติมากกว่า Sweet & Sour เสียอีก ยังงัยก็ลองไปทำดูกันนะครับผม ต้องขอโทษด้วยตอนนี้รูปภาพยังไม่พร้อมแล้วเดี๋ยวพร้อมเมื่อไหร่จะนำมาลงให้อีกทีนะครับผมลองมาดู Gin ยี่ห้อต่างๆกันดูครับ 
สามสหายนี้ไม่ว่าจะไปนั่งที่บาร์ไหนก็น่าจะเจอะเจอกันได้ไม่ยากนัก ถ้าบาร์ไหนไม่มีอันนี้มันเรื่องแปลกแล้วหล่ะ อันดับความนิยมก็ตามที่เรียงไว้ เริ่มจาก Bombay ขวดสีฟ้า

Tanqueray Gin ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยผมเริ่มทำงานโรงแรมใหม่ๆ เมื่อ 20 ปีที่แล้วก็เห็นยี่ห้อนี้อยู่ในตลาดแล้ว เหมือนยาสามัญประจำบ้านที่ต้องมีติดไว้กันทุกบ้าน ยี่ห้อนี้ก็เลยต้องมีติดไว้ในทุกบาร์

Beefeater หรือที่เรารู้จักกันอย่างคุ้นหูว่า London Dry Gin ซึ่งจริงๆแล้ว Gin ที่มาจากทางอังกฦษซะส่วนใหญ่ก็เป็น Dry Gin กันทั้งนั้น หมายถึงไม่หวานคือว่ากลั่นจนไม่เหลือประมาณน้ำตาลหรือว่าเหลือก็เหลือน้อยที่สุด ฉนั้นจะเห็นได้ว่า Gin ก็เลยมีดีกรีความแรกของแอลกอฮอล์สูงกว่าเครื่องดื่มอย่างอื่นประมาณ 43-47% แอลกอฮอล์เลยทีเดียว พูดง่ายๆว่าไม่ค่อยจะเข้ากับความหอมของตัวเครื่องดื่มเอาเสียเลย

Bombay Sapphire ตัวนี้ดูจะเป็นตัวที่ติดอกติดใจกันไปทั่วโลกของนักดื่ม Gin กันไปเลยก็ว่าได้ ด้วยรูปลักษณ์การดีไซน์ของขวดและชื่อที่มาจากอัญมณีอันมีค่า Blue Sapphire และด้วยรสชาดที่หอมนุ่มละมุนจากการที่เขาใช้สมุนไพรในการปรุงแต่งรสชาดถึง 10 ชนิด มาจากหลากหลายประเทศ เดี๋ยวเอาไว้ครั้งหน้าก็แล้วกันจะมาชึ้แจงให้ฟังว่ามันใส่อะไรไปนักหนา ถ้าใครได้ลองดื่มหรือลองดมดูแล้วล่ะก็ เป็นต้องตกหลุมรักทุกรายเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น